Pages

Wednesday, June 19, 2013

Blood Type B ตอนที่ 3

มาปรับสมดุลให้ร่างกายกันต่อนะคะ
ขอบคุณสำหรับคนที่ติดตามด้วยค่ะ
blog น้องใหม่ดีใจมากค่ะ


ความเดิมตอนที่ 1 ตอนที่ 2
จากการเริ่มต้นปรับสมดุล วันที่ 1, 2 และ 3
ร่างกายค่อยๆปรับรูปร่างสวยงามขึ้น
ไขมันหน้าท้องลดลง อารมณ์ดี ไม่หงุดหงิด
หลับสบาย ระบบขับถ่ายยังอยู่ในช่วงปรับเวลา
น้ำหนักจาก 53.4 ก.ก. ลดลงเป็น 52.7 > 51.4 > 51.2


วันที่ 4 - 11 น้ำหนักคงที่ คือ ขึ้นๆลงๆ นิดหน่อย
ทั้งที่ทานของหวาน และมี 2 วันที่ไม่ได้ดิื่มชา ไม่ได้โยคะ
เพราะนั่งเรียนทั้งวัน จากนั้นเหมือนต้องเริ่มปรับใหม่
น้ำหนัก จาก 51.2 > 50.9 > 51.2> 51.4 > 51.7
แล้วค่อยๆลงมาอยู่ที่ 51.4 ก.ก. ในวันที่ 11 ค่ะ
เริ่มอยากทานของหวาน อาจเพราะเรียนแล้วเกิดความ
รู้สึกเครียด ก็ทานขนมที่อยากทานบ้างค่ะ เช่น คริสปี้ครีม
ฟักทองแกงบวด เป็นต้น ส่วนระบบขับถ่ายเริ่มปรับเวลา
และทำงานได้ดี แม้จะยังไม่่ตรงกับนาฬิกาชีวิต
แต่ก็ใกล้เคียงล่ะน่า


มาถึงการอัพเดตตอนที่ 3 กันนะคะ


ผ่านมาเกือบอาทิตย์ ถึงวันนี้ก็นับเป็นวันที่ 17


เพิ่งชั่งน้ำหนักเมื่อกี้ โอ๊ะ โอ... 49.8 !!


ซึ่งก่อนหน้านี้ 2 วันนะ พอรู้สึกว่าตัวเบาลง
เล่นโยคะจัดรูปร่างได้สวยงาม(จอยพอใจอ่ะนะ ^^)
ใส่เสื้อผ้าเดิม พอดี ไม่ฟิตมากเหมือนตอนน้ำหนักขึ้น
มองตัวเองในกระจกก็เริ่มบ่น "อร๊ายยย..เค้ากลัวผอม"
เอ้า จริง จริ๊ง! ไม่เว่อร์ล่ะ ก็บอกแล้วว่า ไม่ได้อยากผอม
จอยโดนล้อเป็น กุ้งแห้ง มาตั้งแต่เด็กๆแล้วค่ะ ..


ดังนั้น เมื่อวานซืนจนถึงวันนี้จึงเริ่มทานมากขึ้น
และทานขนมที่เคยชอบ วันละ 1 ชนิด
หม่ำไอศครีมเชอร์เบ็ทรสกระท้อนด้วยแหละ แล้วก็มี
ฮันนี่โทสท์ แชร์กับเพื่อน แล้วก็.... เอ้อ ! มีปัญหา
เรื่องอาหารเป็นพิษเช้าวันนึงด้วย คาดว่าก่อนนอนทานเค้ก
ที่ซื้อตอนร้านกำลังจะปิด มันคงได้รับความเย็นไม่ถึง
แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ แค่ช่วงเช้าเท่านั้น
บ่ายก็ไปเล่นโยคะ ดื่มมัทฉะ เหมือนเดิม


จะเห็นว่าในการอัพเดตตอนที่ 3 นี้
น้ำหนักของจอยจาก 53.4 ก.ก.ลงมาอยู่ที่ 49.8 ก.ก.
โดยใช้วิธีปรับสมดุลร่างกาย การเลือกทานอาหาร
ตามกรุ๊ปเลือด การทานอย่างมีสติในเรื่อง
ปริมาณอาหาร ดื่มชาเป็ปเปอร์มิ้นท์ และมัทฉะ จัดระบบ
ร่างกายให้ทำงานเป็นเวลามากขึ้น ออกกำลังกาย
มีไลฟ์สไตล์ที่เหมาะสม อารมณ์แจ่มใสค่ะ


ที่สำคัญ ยังเดินสายกลาง โดยการไม่กดดันตัวเอง
ให้รางวัลตัวเอง(ตลอดอ่ะ) เมื่อทำได้ดีติดกันหลายๆวัน


การปรับสมดุลโดยไม่กดดัน ไม่เครียด เริ่มจาก..
ใจของเรา นี่แหละค่ะ
สะกดจิตตัวเองไปเล้ยยย บอกให้รู้ ให้ชัดไปเลยว่า
สิ่งที่ทำอยู่นี้มันดีเหลือเกิน มันจะรู้สึกสบายตัว
รูปร่างดี สวยขึ้น ว่างั้น เมื่อสุขภาพดี
ก็จะสุขใจ ยิ้มได้เบิกบาน ...


ไม่ได้พูดเล่นๆนะคะ..
มีการทดลอง​(ดูสารคดีในเคเบิ้ลทีวีค่ะ)
ให้กลุ่มตัวอย่างปฏิบัติตามโปรแกรม
และต้องกินยา 1 เม็ดทุกวัน
ซึ่งนักทดลองบอกกับกลุ่มตัวอย่างว่า
ยาเม็ดนี้จะเป็นหัวใจสำคัญ
ของการลดน้ำหนัก ..... ภายหลังกลุ่มตัวอย่าง
สามารถลดน้ำหนักได้จริง และได้รับฟังคำเฉลยว่า
มันไม่ใช่ยาลดความอ้วนแต่อย่างใด มันเป็นยาหลอก
ไม่มียาอะไรทั้งสิ้น แต่สร้างเงื่อนไขขึ้นมาเพื่อพิสูจน์ว่า

คนเราสามารถลดน้ำหนักได้โดยไม่ต้องพึ่งยา เพียงมีความเชื่อ
มีจิตใจมุ่งมั่น และปฏิบัติได้เหมาะสม ..
...เป็นการใช้จิตวิทยาเข้าช่วยนะคะเนี่ย ^^


ในตอนที่ 3 นี้ จอยก็ขอสรุปว่า จะเรียกว่า จอยมาแบบชิล ชิล
สบายๆ ก็บรรลุเป้าหมายได้ง่ายๆก็ได้ค่ะ
แต่หลังจากนี้ จอยจะมาอัพเดตอีกครั้งค่ะว่า
การปรับสมดุลที่จอยทำนี้ มันโอเคจริงหรือไม่
มันโยโย่พรวดพราดรึเปล่า --'


ตามที่บอกไว้ว่า ปกติจะหนักประมาณ 49-50 ก.ก. ...
"ดูซิ จอยจะรักษาสมดุลให้อยู่คงที่อย่างนี้ได้มั๊ย?!?"



คุณว่า ได้ หรือ ไม่ได้ ? กดครับ!! ...


เอ่อ .. ออดเสีย  ><'






Monday, June 17, 2013

ทำไมจอยตื่นมาสังเคราะห์แสง?

ทำไมจอยจึงชอบรับแสงแดดยามเช้า หรือชอบพูดติดตลกว่า
"ตื่นมาสังเคราะห์แสง" ทราบไหมคะ




ทราบแล้วก็แนะนำคนใกล้ตัวคุณด้วยนะคะ
แต่ถ้ายังไม่ทราบ เชิญอ่านต่อค่ะ

เชื่อมั๊ยคะว่า คนเมืองร้อนอย่างเราจำนวนไม่น้อยที่วิตามิน D ต่ำ


...


อ่ะ อ่านต่อ



มีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าคนที่มีผิวสีเข้มจะมีระดับวิตามิน D ต่ำกว่า
คนที่มีผิวที่ขาวกว่า และมีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าในบางประเทศที่
ประชาชนต้องใส่ เสื้อผ้าแขนยาวคลุมตัว จะมีการรายงานถึง
การเกิดโรคขาดวิตามิน D ที่มากกว่า


ผู้ที่ขาดวิตามิน D จะทำให้เกิดโรค Osteomalacia
ซึ่งโรคที่มีชื่อยาวๆนี้ก็คือ การมีปัญหาเกี่ยวกับการดูดซึมแคลเซียม
เข้าร่างกาย จะทำให้รูปร่างไม่สมประกอบ น้ำหนักลด ฟันผุ
เติบโตช้า กระดูกสันหลังโก่ง ข้อมือ เข่า และกระดูกข้อเท้าโต
ความต้านทานต่อโรคต่าง ๆ ลดน้อยลง


ทำไม ทำไม ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ?

ก็เพราะว่า..วิตามิน D เป็นวิตามินที่ร่างกายต้องการเพื่อรักษาสมดุล
ของระดับแคลเซียมในเลือดและในกระดูกค่ะ ถ้าทุกคนได้รับวิตามิน D
เพียงพอ จะช่วยให้หัวใจมีสุขภาพดี ^^ รักษาระดับความดันเลือด
ให้หลอดเลือดทำงานไปได้ด้วยดีค่ะ

นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันกระดูกพรุนและป้องกันมะเร็งลำไส้ได้อีกด้วย


โอ้ ! สำคัญนะคะ วิตามิน D เนี่ย
มีไม่พอล่ะก็เรื่องใหญ่ ถึงตายอย่างทรมานเลยทีเดียว

และการตระหนกตกใจไม่ได้เพิ่มวิตามิน D ขึ้นมาได้




...........




มาดูกันดีกว่าว่าจะเพิ่มวิตามิน D ให้กับร่างกายได้ยังไง ^^


วิตามินดีในธรรมชาติ นอกจากอาหาร เช่น ปลาทู ไข่แดง
ปลาแซลมอน นม เป็นต้นแล้ว ก็มีอยู่ในแสงแดดค่ะ


BUT !.. แต่! ..


ด้วยความกลัวแดด กลัวดำ กลัวฝ้า เราจึงใส่เสื้อผ้ามิดชิด
โบกครีมกันแดด แถมรองพื้นกันซะเต็มที่ เติม accessery
(อุปกรณ์เสริม) ด้วยแว่นตา แน๊ะ แน๊ะ! มีแฟชั่นหมวกอีกต่างหาก
ซึ่งก็ถูกต้องแล้วที่เราจะต้องปกป้องผิวจากแสงแดดที่ร้อนแรง
เพราะอาจทำให้เกิดมะเร็ง เพียงแต่ว่า เล่นปิดซะมิดชิดกันจน
ไม่ยอมโดนแดดกันเลยแม้แต่น้อย ไม่แม้ในช่วงที่มี
แสงแดดอบอุ่นยามเช้า.. แหม มันช่างน่าเสียดายอย่างยิ่งค่ะ


การได้รับแสงแดดอย่างปลอดภัย คือในช่วงเวลาและระยะเวลา
ที่เหมาะสม เช่น การเปลือยกายอาบแดด
(ของเราไม่ต้องถึงกับเปลือยก็ได้ค่ะ)
ในช่วงที่แสงแดดอุ่นๆ ไม่ร้อนจัด
(แสงแดดยามเช้าซักไม่เกิน 10 โมง)
เป็นระยะเวลาครึ่งชั่วโมง จะได้รับ วิตามิน D 10,000 IU


คำเตือน : ผู้สูงอายุไม่ควรทำนะคะ ควรใช้วิธีอื่น
เช่น ปรับการรับประทานอาหาร หรือ ทานวิตามินเสริม
โดยเฉพาะผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ค่ะ


จัดให้ร่างกายของคุณได้รับแสงแดดบ้างในช่วงก่อน 10 โมงเช้า
ไม่มีอะไรยากเกินไป ขอแค่เปิดใจอย่ามองว่ามันยุ่งยากค่ะ
ถ้าคุณบอกว่าคุณโตแล้ว ดูแลตัวเองได้
เริ่มเลยค่ะ..รักตัวเองในทางที่ถูกที่ควร ณ จุดนี้แหละ รักเลย







ปลากระพงย่างเกลือ (B Type)


ปลากระพงย่างเกลือ (B TYPE)

เมนูอาหารที่ทำง่ายๆไม่ยุ่งยาก
ดีต่อสุขภาพของคนที่มีเลือดกรุ๊ป B ค่ะ



ชื่อ ปลากระพงย่างเกลือ
ระดับ ง่าย
ระยะเวลา 15 นาที
ปริมาณ 1 เสิร์ฟ


เตรียม

เนื้อปลากระพงสด ใหม่ (อร่อยตรงนี้แหละ)
เห็ดออรินจิ
ผักสลัด
มะนาว ของไทยหรือเลม่อนลูกเหลืองก็ได้
เกลือ
เนย
mix herb
น้ำมันมะกอก สำหรับ cooking
น้ำมันมะกอก extra virgin (ที่จริง ข้อ 5-9 มันเป็นของประจำครัวค่ะ
ถ้ามีอยู่แล้วจะทำให้ง่ายขึ้น เพราะซื้อหาแค่ ข้อ 1-4)


อุปกรณ์

กะทะ (กะทะผิวเรียบก็ได้ค่ะ)
ตะหลิว หรือที่แซะ เป็นซิลิโคนบางยิ่งดี เวลากลับปลาจะได้สวยๆ
แปรงหรือช้อนสำหรับเกลี่ยเนยหรือน้ำมัน


มาเริ่มกันเลยดีกว่า...


วิธีทำ


1. จัดสลัดใส่จานรอไว้ แล้วหั่นเห็ดออรินจิเตรียมลงกะทะ





2. ตั้งกะทะ เมื่อร้อน ให้ปรับเป็นไฟอ่อนแล้วใช้แปรง
หรือช้อนทาน้ำมันมะกอกสำหรับ cooking ให้ทั่วกระทะ
ทาบางๆก็พอค่ะ วางปลาลงไปเล้ยยย โรยเกลือและ
mix herb บนชิ้นปลา





3. สังเกตุสีปลาด้านข้าง หากเปลี่ยนสีขึ้นมาเกินครึ่งชิ้น
ก็กลับข้างอย่างเบามือแล้วโรยเกลือ + mix herb ด้านบนชิ้นปลาอีกที

   

4. เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา จะวางเห็ดลงไปด้วยเลย
ก็ได้ค่ะ เกลี่ยเนยบนเห็ด  บางๆก็พอเพื่อสุขภาพ




 5. พอเห็ดแห้งลงก็กลับด้านค่ะ

    

   

6.ปลาสุกแล้ว เห็ดสุกแล้วก็นำมาจัดวางในจานได้



แล้วก็พร้อมเสิร์ฟค่ะ...

อ๊ะอ๊ะ ! ก่อนรับประทาน บีบมะนาวบนชิ้นปลาด้วยนะคะ
รสชาดจะอร่อยมากค่ะ .. 

ขอให้มีความสุขในการรับประทานนะคะ ^^


Friday, June 14, 2013

ดื่มน้ำวันละเท่าไหร่ดี?




















น้ำดื่มสะอาดเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับร่างกายนะคะ.

เราพึ่งพาร่างกาย ร่างกายก็ต้องพึ่งพาเราเช่นกันค่ะ


จอยเป็นคนนึงที่ดื่มน้ำน้อยมาก วางอยู่ข้างๆ ยังลืม

ไม่ใช่อัลไซเมอร์นะคะ. แต่ว่าเวลาทำอะไรติดพันอยู่

ก็มักจะจดจ่อไม่ยอมคว้าขวดน้ำมาดื่ม. ประโยชน์อยู่

แค่เอื้อมแท้ๆ. อย่างที่ว่า...

"ของดีอยู่ใกล้ตัว เรามักจะไม่เห็นค่า" 55 ว่าไปนั่น


อย่างไรก็ตาม ..

พฤติกรรมอย่างนั้นมันจะเป็นเพียงแค่อดีตค่ะ


เอาล่ะ ทีนี้พอนึกจะดื่ม. ก็มีเรื่องให้ถกเถียงกัน

"วันละ 8 แก้วจ้ะ"

"ไม่นะ .. ยิ่งดื่มยิ่งดีย่ะ. ดื่มๆไปเถอะ"

"บ้าหรอ. เค้าว่าดื่มน้ำมากตัวจะบวม อร๊าย ไม่สวย"

"ไม่เกี่ยวซะหน่อย มีเหงื่อ ปัสสาวะตลอด จะบวมได้ไง"

"ชั้นรู้. ตามหลักเลยนะยะ เค้าว่าไตจะทำงานหนัก"

"... ". บลา บลา บลา


ตกลงที่เถียงกันมาราวกับผู้รู้ทั้งหลาย

ก็ไม่รู้ปฏิบัติได้หรือไม่ จอยก็เหมืิอนกันค่ะ.


งั้นก่อนจะไปรู้ว่าควรจะดื่มน้ำวันละเท่าไหร่

ตั้งใจกันให้ดีนะคะ

ว่าเราพร้อมจะดูแลร่างกายของเรานับแต่วันนี้

ทำได้บ้างไม่ได้บ้างไม่เป็นไร ดีกว่าไม่ทำเลย

..เริ่มต้นใหม่ได้ค่ะ


พร้อมแล้วหยิบเครื่องคิดเลขขึ้นมาเลยค่ะ

(ดินสอปากกาก็ได้ เราจะคูณหารกันเล็กน้อย)


น้ำหนักตัว(กิโลกรัม)ตั้ง คูณ 2.2

หารด้วย 2 แล้วคูณด้วย 30

= จำนวนน้ำที่ร่างกายต้องการต่อวัน


เช่น 50 * 2.2 = 110

110 / 2 = 55

55 * 30 = 1650


หมายความว่า

ถ้าเราน้ำหนัก 50 ก.ก.

ร่างกายต้องการน้ำ 1,650 ซีซี (1 cc = 1 ml.)



ทีนี้ก็ไม่ต้องเถียงกันแล้วนะคะ


หมายเหตุ:

1.ไม่ควรดื่มน้ำติดต่อกันหลายลิตร

ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

เพราะเกลือแร่ในร่างกายจะเสียสมดุล

อย่างรวดเร็ว อันตรายถึงชีวิต !


2. ดื่มน้ำมากตัวไม่บวมค่ะ


3. ดื่มน้ำมาก ในคนปกติไตไม่เปนไรค่ะ

ยกเว้นคนที่มีปัญหาเรื่องไต

ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์


4. ไม่ควรดื่มน้ำเย็นค่ะ


.................


ระบบต่างๆในร่างกายจะทำงาน

ได้อย่างเหมาะสม ต้องพึ่งพิง น้ำ


ในเมื่อเราพึ่งพาร่างกายมามากแล้ว..

"ไถนาอยู่" (ทำงานหนักอยู่)

"ร่างแหลก" ( ผ่านการทำงานจนร่างกายจะไม่ไหวแล้ว)

"แทบคลาน" (อันนี้ไปทำงาน หรีือ ไปทำอะไรมาเนี่ย..)


บ่นกันขนาดนี้แล้ว..

ให้ร่างกายพึ่งพาเราได้บ้างเถอะค่ะ



..................



"เรามาดื่มน้ำสะอาดให้สมดุลกับความต้องการของร่างกายกันนะคะ"



Thursday, June 13, 2013

ผักโขมไก่งวงอบชีส


ผักโขมไก่งวงอบชีส อร่อย ง่าย ไม่ยุ่งยากค่ะ 





ชื่อ ผักโขมไก่งวงอบชีส
ระดับ ง่าย
ระยะเวลา 15 นาที
ปริมาณ 1 เสิร์ฟ/1 คน


เตรียม
  1. ผักโขม 4-5 ต้น 
  2. หอมใหญ่ 1/2 ลูก 
  3. ไก่งวงสไสด์ 1 แผ่น 
  4. เนย 1 ช้อนชา 
  5. มอสซาเรลล่าชีส 1 ช้อนโต๊ะ 
  6. เชดด้าชีส 1 ช้อนโต๊ะ 
  7. ซอสถั่วเหลืองปรุงรส 
(ปริมาณของวัตถุดิบนี้ เป็นปริมาณที่จอยควบคุม
หากใครต้องการความหอมมัน เนย ชีสแบบจัดเต็ม ก็เพิ่มได้ตามต้องการนะคะ)


อุปกรณ์
  1. หม้อ 1 ใบ 
  2. ชามใหญ่ใส่น้ำเย็นจัด 
  3. ถาดพายขนาด 124*81*27 mm. 1 ถาด (ถาดเล็กมากค่ะ ถ้าไม่พอทานก็เพิ่มกันเองนะคะ) 
  4. เตาอบ วอร์มที่ 200 องศาเซลเซียส 

วิธีทำ


                                 

  1. ผักโขมลวกน้ำเดือด (ใส่เกลือนิดนึงด้วย) แล้วช็อคน้ำเย็น(นำผักโขมมาใส่ในชามน้ำเย็นจัด)    แป๊บเดียวก็บีบน้ำออกจากผักโขมแล้วก็นำมาสับๆๆ ส่วนหอมใหญ่ก็หั่นเต๋า ไก่งวงหั่นหยาบ         เนย มอสซาเรลล่าชีส เชดด้าชีส หั่นเป็นชิ้น (จอยฉีกเลยค่ะ มันบางขาดง่าย แต่ไม่งามเท่าไหร่) 
  2. ผัดหอมใหญ่กับเนยให้หอม ตามด้วยผักโขม ผัดๆๆ ปรุงรสค่ะ 
  3. นำไปใส่ในถาดพายที่กรุในถาดด้วยไก่งวงไว้แล้ว วางชีสตามชอบ จะใส่ทั้งแผ่นก็ได้                       แล้วเข้าอบที่ 200องศาเซลเซียส 3-5 นาที ขึ้นอยู่ขนาดที่ทำด้วยค่ะ. 
(ถ้าจะเข้าไมโครเวฟ ต้องเลือกภาชนะที่เหมาะสม และแน่ใจว่าไก่สุกดีแล้วก่อนนำไปกรุภาชนะ
ตั้งไฟอ่อน เวลาน้อยๆ ค่อยๆเพิ่มเวลาก็ได้ค่ะ)
   
     4. คอยสังเกตให้ชีสละลายหนืดๆ ก็ยกออกมาเสิร์ฟได้ค่ะ ... เอาล่ะ .. ลุยเลยค่ะ!



                                         "ทานให้อร่อยนะคะ ชีสยืด..ยืดดดดด นี่มันยั่วยวนจริงๆ"

Blood Type B ตอนที่ 1


ปรับสมดุลร่างกายตามกรุ๊ปเลือด ตอนที่ 1

อยากจะแชร์ประสบการณ์ให้คนที่อดอาหารหรือเครียดกับการลดน้ำหนักค่ะ

(พิมพ์ยาวม๊ากกกนะคะ ต้องมีเวลาให้กันเท่านั้น ถึงจะอ่านไหว ^^)

จอยได้ปรับสมดุลให้กับสุขภาพร่างกาย ทานอาหารตามกรุ๊ปเลือด 
โยคะและอื่นๆอีก.. ภายในเวลาเกือบ 3 วัน น้ำหนักลดไป 2 กิโล 
ขอออกตัวก่อนว่าไม่รู้จะเหมาะสมกับร่างกายของแต่ละคนหรือไม่ 
เป็นเพียงประสบการณ์จากตัวเอง และยังไม่เคยปรึกษาแพทย์ค่ะ 

เรื่องมีอยู่ว่า พอหยุดทำงาน เรียนอย่างเดียว ร่างกายจอยจะใช้สมอง
มากกว่าร่างกาย อยู่แต่หน้าคอมกับตำรา ซึ่งเมื่อก่อนใช้ร่างกายหนักมาก
ทีนี้พอเรียนก็เครียดเป็นธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาคือช่วงทำสารนิพนธ์ 
จากที่เป็นคนชอบทานขนม ครีม เค้ก เนย นม ก็กลายเป็นทานเพิ่มขึ้นอีก
ประมาณสามเท่า น้ำหนักจาก 49-50 ขึ้นมา 53.4 โอ้! ไวเกิ๊นนน 
แต่จุดนี้ยังไม่ได้ให้ความสำคัญ เพราะไม่อยากผอมค่ะ 
...........คือ ผอมเกินเพื่อเข้ากล้องมาตลอดดดด เจอใครก็ทักว่า 
"..ดูในทีวีตัวใหญ๊ ใหญ่ มาดูตัวจริง..มีไส้รึเปล่าเนี๊ย" ><'

 

ต่อค่ะ ที่น่าเป็นกังวลคือ ช่วงเร่งทำสารนิพนธ์ นอกจากทานของหวานเพิ่มขึ้น
อย่างน่าตกใจ ระบบร่างกายก็ทำงานไม่เหมาะสม เพราะทานผิดปกติมาก 
ปวดหัว ปวดกระบอกตา บ้านหมุน ตาค้างนอนไม่หลับติดกัน 3 วัน 2 คืน 
ปวดตัว ขา แขน มือ ชาบ่อยๆ 

 

 จึงกลับมาปรับสมดุลร่างกายอีกครั้ง (เคยทำมาเป็นระยะๆ) คือ ทานอาหารตาม
กรุ๊ปเลือด และออกกำลังกายที่เหมาะสมกับกรุ๊ปเลือดและทำแต่ละอย่างตาม
นาฬิกาชีวิต(เท่าที่พอทำได้ ไม่กดดันตัวเองเกินไป) ค่ะ 

 ที่จอยทำก็คือ ทานอาหารทุกมื้อ ของกรุ๊ปบีก็ ทานข้าวกล้อง ปลา แกะ ไก่งวงสไลด์ 
(จะทานเย็นนี้) ผักโขม มังคุด กล้วยบวดชี ทุกอย่างทำเองเพราะต้องการคุมวัตถุดิบค่ะ 
ปิ้งย่างล้วนๆ  ผัดบ้างทอดบ้าง น้ำมันใช้น้ำมันมะกอก (มี 2 แบบ สำหรับ cooking กับ
ทานสด คุณภาพต่างกัน) ปรุงด้วยเกลือ ซีอิ้ว ซอสน้ำตาล มะนาว เป็นหลัก

เริ่มต้นด้วย การดิ่มนมแก้วเล็กๆ แก้วแบบบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าตามโรงแรมอ่ะค่ะ เมื่อตื่นนอน 
ทานอาหาร (ตามข้างบน อะไรก็ได้แล้วแต่จะทำได้สะดวก)ตามด้วยชาเป็ปเปอร์มิ้นท์ในมื้อเช้า 
..โยคะ ตอนสายๆ บ่าย หรือหัวค่ำก็ได้   ทานมื้อเที่ยง (ตามข้างบน อะไรก็ได้แล้วแต่จะทำได้
สะดวก ทำใส่กล่องไปก็ได้) บ่ายสามดื่มชาเขียวมัทฉะ มื้อเย็นก็ทานปกติ ระหว่างวันดื่มน้ำสะอาด 
ถ้าหิวก็มังคุดบ้าง กล้วยบวดชีบ้าง ไม่ปล่อยให้โหย


 ความเชื่อส่วนตัว ข้าว ต้องเป็นข้าวกล้องเท่านั้น น้ำดื่มสะอาดวันละ 1.5 ลิตร 
(ที่เหมาะสมคือควรดื่มตามที่ร่างกายของแต่ละคนต้องการ) ชาเป็ปเปอร์มิ้นท์เช้า 
 ชาเขียวมัทฉะบ่าย มังคุด กล้วย ผักโขม คือตัวสำคัญ แต่ต้องมีเนื้อสัตว์ระหว่างมื้อด้วย 
ทานเกือบอิ่ม หยุดทานเลยค่ะ พอดื่มน้ำตามไปก็อิ่มพอดี ^^ 

...สิ่งเหล่านี้ จะเห็นว่า มันรวมวิตามิน คุณค่าทางอาหาร ปริมาณอาหารเพียงพอต่อ
ระบบทางเดินอาหาร และช่วยระบบขับถ่าย บางอย่างช่วยเร่งการเผาผลาญ 
น้ำ นอกจากมีประโยชน์แล้ว ยังช่วยให้อิ่ม ไม่ซูบโทรม ผิวดีขึ้น 
โยคะ - เป็นตัวปรับสมดุลที่สำคัญ ให้ร่างกาย กล้ามเนื้อ เลือดลมหมุนเวียนอย่างที่ควรจะเป็น 
เป็นแรงเสริม เรื่องอาหารและระบบภายในที่พูดถึงไปแล้วค่ะ 
และไม่อยู่ห้องแอร์ ให้เหงื่อซึมๆเบาๆ 

เดี๋ยวจะไปต่อคอร์ส ศิลปะป้องกันตัวเพิ่มเร็วๆนี้ (Self Defence) ที่อรรถยุทธ์ 
 เป็นการออกกำลังกาย และเป็นประโยชน์กับผู้หญิงต่อการปกป้องตนเองค่ะ

ตอนนี้ อาการที่กล่าวมาหายไปหมดแล้ว หายไปไหนไม่รู้ มันหลอกให้เราดีใจ
รึป่าวก็ไม่รู้นะ เป็นไปได้ว่า สารนิพนธ์เสร็จแล้ว ความตึงเครียดลดลงไปด้วย 
ร่างกายกระชุ่มกระชวยขึ้น(รึคิดไปเอง) ที่แน่ๆจิตใจเบิกบานมาก และ ใจเย็นมากขึ้น 
(เอ้อ! แทนที่จะยิ่งหงุดหงิดเพราะดูแลอาหารมากหน่อย ช่วงนี้) 

.. ที่จอยต้องสังเกตคือ เมื่อปรับสมดุลต้องสังเกตการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก 
เพื่อความรอบคอบ หากมีอะไรผิดปกติ จะได้ปรึกษาแพทย์ได้ทันท่วงที
..วันแรก น้ำหนักลดลงจาก 53.4 > 52.7 
(ชั่งหลังทานมื้อสุดท้าย ตอนห้าทุ่ม 55 ใช่แล้ว ดึกๆยังกินอยู่เลย)

..วันที่สอง จาก 52.7 > 51.9 (ชั่งหลังมื้อเที่ยง) > 51.4 
(ชั่งก่อนนอนหลังมื้อสุดท้าย คือกล้วยบวชชี 2 ชั่วโมง)

..วันที่สาม จาก 51.4 > 51.2 (หลังอาหาร 1 ชั่วโมงกว่า) เดินไปชั่งมาเมื่อกี้นี้แหละ

หมายเหตุ : การดิ่มน้ำสะอาดปริมาณมากไม่ทำให้ตัวบวม หรือไตทำงานหนัก
(ยกเว้นคนที่มีปัญหาเรื่องไต) แต่อย่าดื่มทีละหลายๆลิตรในเวลาไม่กี่ชั่วโมง 
ให้ทยอยดื่ม เพราะอาจเกิดอาการน้ำเป็นพิษเนื่องจากทำให้เกลือแร่ในร่างกาย
เสียสมดุลอย่างรวดเร็ว มีอันตรายถึงชีวิตค่ะ 

ทั้งหมดนี้ นำมาแชร์เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ผู้รู้อาจเข้ามาให้คำแนะนำ 
 หรืออย่างน้อย คนที่ลดน้ำหนักด้วยยาหรือ อดอาหาร อาจลองทำแบบนี้ดูบ้าง 
แต่ต้องเข้ากูเกิลไปดูอาหารและกีฬาที่เหมาะสมกับกรุ๊ปเลือดของตัวเองก่อนนะคะ 
ประสบการณ์ของจอยจะเป็นประโยชน์มากน้อยอย่างไร ไว้ค่อยมาอัพเดตอีกทีค่ะ 

 ..ขอให้กำลังใจคนที่ลดความอ้วน ให้หันมาสนใจการปรับสมดุลให้สุขภาพร่างกาย 
(ปรับทัศนคติอย่าไปโฟกัสว่าจะลดความอ้วน).. จอยเชื่อว่า จะทำให้ร่างกายมีสุขภาพดี 
ไม่ค่อยมีโรค ส่วนรูปร่างที่ดีและน้ำหนักตัวลดลงจะเป็นผลพลอยได้ที่ตามมาเอง 
ที่สำคัญ หน้าใสขึ้น จิตใจสงบเยือกเย็นขึ้น สามารถปรับสภาวะอารมณ์กับหลายสิ่ง
ที่ต้องเผชิญได้ดีขึ้นด้วยค่ะ


ติดตามอัพเดต : ปรับสมดุลร่างกายตามกรุ๊ปเลือด ตอนที่ 2


Blood Type B ตอนที่ 2

ความเดิมตอนที่ 1
จากที่เริ่มต้นปรับสมดุลร่างกาย วันที่ 1, 2 และ 3
ผลพลอยได้ คือ น้ำหนักที่ลดลง ดังนี้ค่ะ
จาก 53.4 > 52.7 > 51.4 > 51.2 ก.ก.

ปรับสมดุลร่างกายตามกรุ๊ปเลือด ตอนที่ 2

พอเข้าวันที่ 4 และ 5 ดูแลอาหารเหมือนเดิมค่ะ
โยคะเฉพาะวันที่ 4 ส่วนวันที่ 5 ไม่ได้โยคะ
น้ำหนักอยู่ที่ 51.2 > 50.9 ก.ก.
(ทานคริสปี้ครีมไป 1 ชิ้นตอน สี่ทุ่ม ^^ เดินสายกลาง หย่อนบ้างอะไรบ้าง)


วันที่ 6 และ 7 น้ำหนักอยู่ที่ 51.2 > 51.4 > 51.7 ก.ก.
จอยไปเรียนตั้งแต่ 8.00 - 17.00 เลยดื่มชาเปปเปอร์มิ้นท์ไม่ทัน แต่ตอนเช้า
ทานปลาหิมะย่าง+ ข้าวกล้อง+แครอทลวก "นั่งอยู่กับที่ทั้งวัน"
ใช้แต่สมอง ร่างกายนิ่งมากกกก ไม่ได้โยคะเลยทั้งสองวัน


เบรคเที่ยงก็เตรียมอาหารไปทานเอง(ดูแลอาหารเหมือนเดิมค่ะ - วันที่ 6 แซนวิช
ขนมปังแป้งเสปลท์+ลูกพรุน+ไก่งวง+ผักสลัด / วันที่ 7 เช้า-ข้าวกล้องต้มปลากระพง
เที่ยง - เตรียมไปเอง ปลาทูทอด + ข้าวกล้อง + น้ำจิ้ม + ผักแกล้ม )


ระหว่างวันก็ น้ำดื่มสะอาด ดื่มไม่ได้มากนัก กับ สับปะรด แอปเปิ้ลนิดหน่อยค่ะ
บ่ายก็ไม่ได้ดื่มมัทฉะ ว้า..


ตอนเย็น ไปชมงานกล้วยไม้กับคุณพ่อคุณแม่ที่สยาม พารากอน ก็เลยทานอาหารญี่ปุ่น
(ปลาอินทรีย์ย่างเกลือ + ข้าวขาวทานไปนิดเดียว ที่ร้านไม่มีข้าวกล้องค่ะ +
เห็ดออรินจิย่างกระเทียม + ยำสลัดทูน่า) --กลางคืน จัดโตเกียวครีมไป 1 โคน 55 เต็มๆ

                       



วันที่ 8, 9,10 และ 11
(เหมือนเริ่มต้น ปรับสมดุลอีกครั้ง เพราะตอนไปเรียนยังเตรียมตัวได้ไม่ดีนัก)

                       

ได้โยคะทุกวัน ปริมาณน้ำดื่มสะอาด 1.5 ลิตรต่อวันค่ะ และส่วนใหญ่ก็ทำตามที่เคยทำ
ตั้งแต่วันแรกๆค่ะ 

แต่ก็มีวันนึงที่ทานฟักทองแกงบวดไป 2 ถ้วย พอดีว่าทำเผื่อทานเองด้วย
จากทำอาหารคาวหวานใส่บาตร ^^ ก็อยากกินอ่ะ

                         

แล้วก็เปลี่ยนผลไม้เป็น แตงโม ฝรั่ง
ส่วนแอปเปิ้ลเขียวยังอยู่เหมือนเดิมค่ะ ดื่มนม ชาเปปเปอร์มิ้น ชามัทฉะตามเวลาเดิม
อ้อ! ตอนอยากทานของหวานนอกจากผลไม้แล้ว บางวันก็นมเปรี้ยวขวดขนาด 80 ซีซี



น้ำหนักอยู่ที่ 50.4 ค่ะ 

..... 


แล้วจะมาอัพเดต ตอนที่ 3 นะคะ